สมรภูมิปัญญาประดิษฐ์ (AI)
ได้เข้าสู่ระยะแข่งขันดุเดือดอย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
เมื่อบรรดาบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของโลกอย่าง Microsoft, Meta และ Google ต่างใช้เวทีประกาศผลประกอบการประจำไตรมาสล่าสุด
เพื่อตอกย้ำถึงการทุ่มทรัพยากร โดยเฉพาะเงินลงทุนครั้งประวัติศาสตร์
โดยต่างฝ่ายต่างให้คำมั่นว่า
จะทุ่มงบประมาณรวมกันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาส เพื่อสร้างศูนย์ข้อมูล (Data
Center) และโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นในการแย่งชิงความเป็นผู้นำในยุค
AI
การเคลื่อนไหวที่พร้อมเพรียงกันนี้ตอกย้ำว่า
ชัยชนะในสมรภูมิ AI ไม่ได้วัดกันที่โมเดลภาษาที่ฉลาดที่สุดเพียงอย่างเดียว
แต่ยังขึ้นอยู่กับว่าใครมีทรัพยากรในแต่ละด้านที่มากพอที่จะสร้างอาณาจักรแห่งการประมวลผลที่ทรงพลังที่สุดได้
Microsoft
ประกาศทุ่มงบลงทุน AI ทุบสถิติอีกกว่า 3 หมื่นล้านดอลลาร์ ในไตรมาสเดียว
Amy
Hood ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Microsoft กล่าวว่า บริษัทจะใช้งบลงทุนสูงกว่า 3
หมื่นล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 1 ล้านล้านบาท ในไตรมาสปัจจุบัน
(เดือนกรกฎาคม – กันยายน 2025) ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าอย่างน้อย
50%
“เราจะยังคงลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อคว้าโอกาสอันกว้างใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า”
Amy กล่าว
นักวิเคราะห์จาก Bloomberg
Intelligence ให้ความเห็นว่า การเติบโตที่แข็งแกร่งของ Azure
“อาจช่วยคลายความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับงบลงทุนที่สูงของบริษัทได้”
และ “ทำให้ Microsoft มีเหตุผลอันสมควรมากขึ้นในการลงทุนในธุรกิจ
AI ต่อไป”
ขณะที่ Satya Nadella ประธานและประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Microsoft ระบุผ่านรายงานผลประกอบการของบริษัทว่า
“คลาวด์และ AI คือพลังขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจในทุกอุตสาหกรรมและทุกภาคส่วน
เรากำลังสร้างนวัตกรรมครอบคลุมทุกระดับของเทคโนโลยี
เพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถปรับตัวและเติบโตได้ในยุคใหม่นี้ และในปีนี้ ธุรกิจ Azure
มีรายได้ทะลุ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 2.5 ล้านล้านบาท เติบโตขึ้น 34%
โดยได้รับแรงหนุนจากการเติบโตในทุกกลุ่ม”
ทั้งนี้ Microsoft กำลังเร่งสร้างศูนย์ข้อมูลเพื่อตอบสนองต่ออุปสงค์ที่พุ่งสูงขึ้นอย่างมหาศาลสำหรับ
Generative AI โดยในไตรมาสที่เพิ่งสิ้นสุดไป
บริษัทได้ใช้งบประมาณลงทุน (Capital Expenditures หรือ Capex)
ไปแล้วถึง 2.42 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเดิม
แต่สถิตินี้กำลังจะถูกทำลายในไม่ช้า
Satya
เปิดเผยระหว่างการแถลงผลประกอบการว่า Copilot ซึ่งเป็น
AI Chatbot ของบริษัท มีผู้ใช้งานประจำในแต่ละเดือนมากกว่า 100 ล้านคนแล้ว และมีลูกค้ากว่า 800
ล้านคนที่ใช้งานฟีเจอร์ AI ที่ฝังอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ Microsoft
เมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งอย่าง Gemini
ของ Google มีผู้ใช้งานประจำทุกเดือนมากกว่า 450 ล้านคน (ข้อมูล ณ สัปดาห์ก่อน) ขณะที่ ChatGPT ของ OpenAI
มีผู้ใช้งานประจำทุกสัปดาห์ถึง 500 ล้านคน
(ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม)
Microsoft
จ่อมีมูลค่าทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์ เป็นรายที่
2
ทั้งนี้ Microsoft มีรายได้รวม 2.81 แสนล้านบาท หรือราว 9.1 ล้านล้านบาท สำหรับ 12 เดือนที่ผ่านมา จนถึง ณ
สิ้นเดือนมิถุนายน เพิ่มขึ้น 15% และมีกำไรสุทธิ 1.01 แสนล้านดอลลาร์ หรือราว 3.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 16%
Microsoft
กำลังจะก้าวขึ้นเป็นบริษัทที่สองของโลกที่มีมูลค่าตลาด (Market
Capitalization) แตะระดับ 4 ล้านล้านดอลลาร์
ได้สำเร็จ
หลังจากที่บริษัทได้รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่แข็งแกร่งเกินกว่าที่ Wall
Street คาดการณ์ไว้
ส่งผลให้ราคาหุ้นทะยานขึ้นอย่างรุนแรงในการซื้อขายนอกเวลาทำการเมื่อคืนที่ผ่านมา
ราคาหุ้นของยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีพุ่งขึ้นมากถึง
9% แตะระดับกว่า 560 ดอลลาร์
ในการซื้อขายนอกเวลาทำการที่นิวยอร์ก
และหากการปรับตัวขึ้นดังกล่าวสามารถยืนระยะได้ต่อเนื่องจนถึงการเปิดตลาดในคืนวันนี้
(31 กรกฎาคม ตามเวลาประเทศไทย) ก็จะส่งผลให้มูลค่าตลาดของ Microsoft
ทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์ อย่างเป็นทางการ
ซึ่งจะตามรอย Nvidia ที่เพิ่งสร้างประวัติศาสตร์เป็นบริษัทแรกที่ไปถึงหมุดหมายดังกล่าวได้เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา
Meta
หุ้นพุ่ง 10% ผลประกอบการดีเกินคาด เร่งลงทุน AI
เต็มสูบ
Meta
Platforms Inc. รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 (สิ้นสุด
30 มิถุนายน 2025) ออกมาดีกว่าที่ Wall
Street คาดการณ์ไว้ และที่สำคัญคือ การคาดการณ์รายได้สำหรับไตรมาส 3 ในปัจจุบันอยู่ที่ระหว่าง 4.75 – 5.05
หมื่นล้านดอลลาร์ ก็อาจดีกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้
Susan
Li ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Meta กล่าวกับนักลงทุนว่า
“เราเชื่ออย่างยิ่งว่านี่คือช่วงเวลาที่เราต้องลงทุนในอนาคตของ AI อย่างจริงจัง เพราะเราคิดว่ามันจะเปิดโอกาสใหม่ๆ ให้กับเรา
ควบคู่ไปกับการเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลักของเรา” เธอย้ำว่าเทคโนโลยี AI
ที่พัฒนาขึ้นได้ถูกผสานเข้าไปในผลิตภัณฑ์โฆษณา
และเริ่มสร้างรายได้ที่มีนัยสำคัญแล้ว
Mark
Zuckerberg ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ตอกย้ำประเด็นนี้ว่า
“ผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในไตรมาสนี้ ส่วนใหญ่ต้องขอบคุณ AI ที่ช่วยปลดล็อกประสิทธิภาพและผลกำไรที่เพิ่มขึ้นทั่วทั้งระบบโฆษณาของเรา”
ด้วยความแข็งแกร่งของธุรกิจโฆษณา Meta
จึงประกาศยกระดับการลงทุนด้าน AI อย่างเต็มที่
โดยบริษัทได้ปรับเพิ่มกรอบล่างของคาดการณ์งบลงทุนสำหรับปี 2025 และส่งสัญญาณเบื้องต้นว่า ค่าใช้จ่ายในปี 2026
จะเติบโตในอัตราที่เร็วยิ่งขึ้นไปอีก
โดยเฉพาะการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับ AI และการแย่งชิงบุคลากรด้านเทคนิคที่มีความสามารถสูง
Google
เพิ่มงบลงทุน AI – คลาวด์สู่ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์
Google
ในเครือ Alphabet Inc. ประกาศเพิ่มคาดการณ์งบประมาณการลงทุน
สำหรับปี 2025 ขึ้นอีก 1
หมื่นล้านดอลลาร์ สู่ระดับ 8.5 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 2.7 ล้านล้านบาท ตอกย้ำถึงความต้องการบริการคลาวด์และ AI ที่กำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรุนแรง จนปริมาณงานในมือ (Backlog) ให้กับบริษัทสูงเป็นประวัติการณ์
การประกาศดังกล่าวมีขึ้นในระหว่างการรายงานผลประกอบการไตรมาส
2 ปี 2568 เมื่อคืนวันพุธที่ผ่านมา (30 กรกฎาคม)
ซึ่งเป็นสัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ถึงสงครามการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่กำลังดุเดือดในหมู่บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี
Google
รายงานว่ารายได้จากธุรกิจคลาวด์ (Google Cloud) ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา เติบโตขึ้นถึง 32% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แตะระดับ 1.36
หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 4.4 แสนล้านบาท
สะท้อนถึงความสำเร็จในการนำเสนอบริการ AI ที่ผสานเข้ากับเทคโนโลยีคลาวด์ของตน
Anat
Ashkenazi ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Alphabet เปิดเผยว่า อุปสงค์สำหรับบริการคลาวด์ของ Google นั้นสูงมาก
จนขณะนี้บริษัทมี Backlog สะสมสูงถึง 1.06 แสนล้านดอลลาร์ “มันเป็นสภาพแวดล้อมที่อุปทานค่อนข้างตึงตัว” เธอกล่าว
ซึ่งเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้บริษัทต้องเร่งขยายการลงทุนอย่างมหาศาล
โดยงบลงทุนส่วนใหญ่ในไตรมาสที่ผ่านมาถูกจัดสรรไปที่โครงสร้างพื้นฐานทางเทคนิค
โดยประมาณ 2 ใน 3 เป็นการลงทุนในเซิร์ฟเวอร์
และอีก 1 ใน 3 เป็นการลงทุนในการก่อสร้างศูนย์ข้อมูลและอุปกรณ์เครือข่าย
ที่มา : The Standard
วันที่ 11 สิงหาคม 2568