‘พีดับบลิวซี’
(PwC)
เปิดรายงาน Value in Motion อิงจากการวิเคราะห์สถานการณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
ชี้ว่า ศักยภาพเอไอในการกระตุ้นการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกนั้น
ไม่สามารถรับประกันได้และไม่ได้ขึ้นอยู่กับความสำเร็จทางเทคนิคเพียงอย่างเดียว
แต่ขึ้นกับการใช้งานอย่างมีความรับผิดชอบ การกำกับดูแลที่ชัดเจน และความไว้วางใจจากทั้งสาธารณชนและองค์กรในสถานการณ์อื่นๆ
เช่น กรณีที่ความไว้วางใจและความร่วมมืออยู่ในระดับต่ำ
การกระตุ้นเศรษฐกิจโลกที่ขับเคลื่อนด้วยเอไอ จะอยู่ที่ 8%
หรือสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดอาจอยู่เพียง 1% เท่านั้น
ผลวิจัยยัง
พบว่า การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วได้เกิดขึ้นแล้ว การวิเคราะห์ของ PwC
ระบุว่า
แรงกดดันให้ธุรกิจต้องปรับเปลี่ยนตัวเองนั้นอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 25
ปีที่ผ่านมาใน 17 จาก 22 ภาคส่วนทั่วโลก โดยมีรายได้มากถึง 7.1 ล้านล้านดอลลาร์
ที่จะถูกเปลี่ยนแปลงไประหว่างบริษัทต่างๆ ในปี 2568 เพียงปีเดียว
แม้กระทั่งก่อนการปรับขึ้นภาษีศุลกากรทั่วโลกที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้
การวิจัยของ
PwC
แสดงให้เห็นว่า ในทศวรรษหน้าอุตสาหกรรมต่างๆ
จะปรับโครงสร้างใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในรูปแบบใหม่
นำไปสู่การเกิดขึ้นของ ‘โดเมน’ ใหม่ๆ ที่ข้ามอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม ตัวอย่างเช่น
การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้า กำลังนำผู้ให้บริการไฟฟ้า ผู้ผลิตแบตเตอรี่ บริษัทเทคโนโลยี
และอื่นๆ เข้าสู่โดเมนการขับเคลื่อน (mobility domain) ทำให้พวกเขาสามารถสร้างมูลค่าใหม่ๆ
ควบคู่ไปกับผู้ผลิตยานยนต์ได้
นายโมฮัมเหม็ด
คานเด ประธานระดับโลกของ PwC กล่าวว่า
“เมื่อโครงสร้างเศรษฐกิจเปลี่ยนแปลงไป
คุณค่าใหม่จะมาจากองค์กรที่สามารถเชื่อมโยงจุดต่างๆ
ข้ามขอบเขตอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมได้เพิ่มขึ้น ผู้นำธุรกิจสามารถปลดล็อกการเติบโต
โดยมุ่งเน้นไปที่ความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
และใช้เทคโนโลยีในการเปลี่ยนแปลงวิธีการดำเนินธุรกิจอย่างมีนัยสำคัญ”
‘เอไอ’สะเทือนสภาพภูมิอากาศ
การวิเคราะห์ของ
PwC
ยังแสดงให้เห็นด้วยว่าแม้ เอไอ
จะมีแนวโน้มช่วยเร่งการเติบโตเศรษฐกิจ แต่ต้นทุนที่เกิดจากภัยคุกคามทางกายภาพจาก
“สภาพภูมิอากาศ” อาจสร้างข้อจำกัดการเติบโตทางเศรษฐกิจได้ แบบจำลองทางเศรษฐกิจของ PwC
ชี้ว่าความเสี่ยงทางกายภาพจากสภาพภูมิอากาศ
อาจทำให้เศรษฐกิจโลกหดตัวเกือบ 7% ภายในปี 2578
เมื่อเทียบกับสถานการณ์ที่ไม่มีภัยคุกคามดังกล่าว
ทั้งนี้
การใช้ เอไอ ที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ศูนย์ข้อมูล หรือ ดาต้าเซนเตอร์ใช้พลังงานมากขึ้น
แต่หากมีการใช้งาน เอไอ อย่างมีประสิทธิภาพ
ก็อาจสามารถชดเชยการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นนี้ได้ โดย PwC
ประมาณการว่า การใช้พลังงานและการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจาก เอไอ
จะสมดุล หากการใช้ เอไอ เพิ่มขึ้นทุกหนึ่งเปอร์เซ็นต์
ส่งผลให้เกิดนวัตกรรมที่ลดความเข้มข้นของพลังงานลง 0.1%
มองต่างมุมคนหวั่น
‘เอไอ’ แย่งงาน ผู้เชี่ยวชาญห่วง 'ข้อมูลเท็จ'
ผลสำรวจล่าสุดจาก
Pew
Research Center เผยความเห็นที่แตกต่างระหว่าง “ประชาชน” ทั่วไป และ
“ผู้เชี่ยวชาญเอไอ” เกี่ยวกับความเสี่ยงของปัญญาประดิษฐ์ ขณะที่
คนทั่วไปวิตกเรื่องการแย่งงานและความเป็นส่วนตัว
หากนักวิจัยกลับจับตามองภัยจากข้อมูลผิดและการปลอมแปลงตัวตน
ยุคที่เอไอกำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ
ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบเอไอก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน อย่างไรก็ตาม
มุมมองต่อความเสี่ยงเหล่านี้
กลับแตกต่างกันชัดเจนระหว่างประชาชนทั่วไปกับผู้เชี่ยวชาญด้านเอไอ
รายงานนี้
รวบรวมข้อมูลจากการสำรวจประชาชนชาวอเมริกัน 5,410 คน ใน เดือนส.ค.2024
และผู้เชี่ยวชาญด้าน เอไอในสหรัฐ จำนวน 1,013 คน ระหว่างเดือน ส.ค.-ต.ค.2024
ชี้ถึงช่องว่างทางความรู้สึกและความเข้าใจเกี่ยวกับเอไอ
ความกังวลอันดับหนึ่งของผู้เชี่ยวชาญถึง
70% คือการที่ เอไอ จะถูกใช้ในการแพร่กระจายข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือข่าวปลอม
ขณะที่ประชาชนทั่วไป 78% มองว่า ภัยใหญ่ที่สุดคือความสามารถของเอไอในการ
“ปลอมตัวเป็นมนุษย์” เช่น การเลียนเสียงหรือหน้าตาเพื่อนำไปใช้ในทางมิชอบ
ขณะที่
ข้อมูลส่วนตัว และความเป็นส่วนตัว
นับเป็นเรื่องที่ทั้งสองกลุ่มมีความเห็นสอดคล้องกัน คือ
ความกังวลเกี่ยวกับการนำข้อมูลส่วนตัวไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต โดย 60%
ของผู้เชี่ยวชาญและ 71% ของประชาชนต่างกังวลในประเด็นนี้
จุดที่เห็นความแตกต่างชัดเจนที่สุด
คือ ผลกระทบต่อแรงงาน โดย 56% ของประชาชนกังวลว่า เอไอ จะทำให้คนตกงาน
ขณะที่มีเพียง 25% ของผู้เชี่ยวชาญที่มองเช่นเดียวกัน
เรื่องความสัมพันธ์ในสังคมเป็นอีกด้านหนึ่งที่ประชาชนให้ความสำคัญมากกว่า โดย 57%
กังวลว่า เอไอ จะทำให้ผู้คนห่างเหินกันมากขึ้น ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญเพียง 37%
ที่กังวลเรื่องนี้
ความตื่นเต้นกับอนาคตของ
'เอไอ'
เมื่อถามถึงมุมมองต่ออนาคตของ
เอไอ ผู้เชี่ยวชาญ 47% ระบุว่ารู้สึก “ตื่นเต้นมากกว่ากังวล”
ขณะที่ประชาชนทั่วไปมีเพียง 11% ที่รู้สึกเช่นนั้น ขณะเดียวกัน 51%
ของประชาชนกลับระบุว่ารู้สึก “กังวลมากกว่าตื่นเต้น”
ซึ่งสูงกว่าผู้เชี่ยวชาญถึงสามเท่า (15%)
ช่องว่างระหว่างความเข้าใจของประชาชนทั่วไปกับผู้เชี่ยวชาญด้าน
เอไอ เป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้าม ขณะที่นโยบายและนวัตกรรมเกี่ยวกับ เอไอ
กำลังเดินหน้าอย่างรวดเร็ว การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง
และการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นกุญแจสำคัญในการเดินหน้าสู่อนาคตที่ปลอดภัยและยั่งยืนของเทคโนโลยีเอไอ
ที่มา
:
กรุงเทพธุรกิจ
วันที่
16 พ.ค. 2568